เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตรวมถึงเรื่องของการทำงานเพื่อสร้างผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจสูงสุด กระตุ้นธุรกิจให้เติบโตอยู่เหนือคู่แข่ง และยังเพิ่มความสะดวกสบายต่อตัวของผู้ปฏิบัติงาน การเรียนรู้ทักษะสำคัญต่าง ๆ ในฐานะของคนทำงานจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ลองมาเช็กลิสต์ 3 ทักษะเทคโนโลยีของปี 2025 กันสักนิดว่ามีอะไรที่ต้องรู้และพัฒนาตนเองกันบ้าง
1. AI (Artificial Intelligence) และการวิเคราะห์ข้อมูล
เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยระบบอัลกอริทึมที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการวิเคราะห์ ประมวลผล และเป็นแนวทางช่วยตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดดเด่นในด้านความแม่นยำจากการมีข้อมูลเชิงลึกที่ค้นหาได้อย่างง่ายดาย สามารถสร้างแบบจำลองเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเลือกสิ่งที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังใช้เป็นแนวทางพยากรณ์คาดการณ์แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
ตัวอย่างการใช้ AI และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) ที่ชัดเจนมากสุดต้องยกให้กับโปรแกรม ChatGPT แชทบอทอัจฉริยะซึ่งเข้ามามีบทบาทต่อการทำงานแทบทุกประเภทโดยเฉพาะกลุ่มงานออฟฟิศที่ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมหาศาล เช่น งานด้านการตลาดออนไลน์ งานด้านการออกแบบ หรือแม้แต่งานพื้นฐานด้านโปรแกรม Excel เป็นต้น
2. การพัฒนาและจัดการซอฟต์แวร์
เทคโนโลยีต่อมาที่ควรเรียนรู้ควบคู่กับ AI ต้องยกให้กับเรื่องของการพัฒนาและจัดการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ โดยอาศัยเทคนิคด้านการสร้าง จัดการ และพัฒนาโปรแกรมที่พร้อมช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนสุดคือกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่ต้องอาศัยเครื่องจักรเข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อซอฟต์แวร์มีความทันสมัย สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ของงานที่ออกมาจึงมีคุณภาพ ตรงตามมาตรฐาน ลดข้อผิดพลาดได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังช่วยลดภาระการทำงานของมนุษย์ ลดต้นทุนของธุรกิจได้อย่างน่าพึงพอใจ
ตัวอย่างด้านการพัฒนาและจัดการซอฟต์แวร์ที่พบเจอได้สำหรับคนทำงาน เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรม HR ซึ่งสามารถเก็บบันทึก วิเคราะห์ ประมวลผล และนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายมากขึ้นกว่ายุคก่อนเยอะมาก
3. เทคโนโลยี Cloud Computing
เทคโนโลยี Cloud Computing คือ บริการออนไลน์ที่ครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บ ประมวลผล เข้าถึงข้อมูลและทำงานร่วมกันได้จากทุกที่ผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้โดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลางสำคัญ หากอธิบายแบบเข้าใจง่ายมากขึ้นก็คล้ายกับการนำข้อมูลต่าง ๆ ไปฝากไว้บนโลกออนไลน์โดยแบ่งออกเป็น 3 ระบบ ได้แก่
ข้อดีของการใช้เทคโนโลยี Cloud Computing จึงเป็นเรื่องความสะดวกของคนทำงาน ไม่จำเป็นต้องอยู่เฉพาะในออฟฟิศ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตพร้อมช่องทางการเข้าถึงระบบคลาวด์ดังกล่าวก็สามารถทำงานร่วมกันได้ทันที มีความยืดหยุ่นสูง สร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสูญหาย การถูกขโมยข้อมูล (Private Cloud) ประหยัดต้นทุนเชิงทรัพยากร และสามารถอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ
ทั้งหมดนี้คือ 3 ทักษะเทคโนโลยีสำคัญของคนทำงานในปี 2025 ที่ต้องเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างผลลัพธ์ของการทำงานตามเป้าหมายที่องค์กรคาดหวังไว้ เหนือสิ่งอื่นใดยังเป็นการต่อยอดความสามารถเพื่อก้าวสู่โลกยุคอันแสนทันสมัย พร้อมเรียนรู้กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ตลอดเวลา